ความคิดเป็นสื่อแทน "ใจ" ที่ถ่ายทอดออกมา สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก ทัศนคติ มุมมองและความเข้าใจในการการรับรู้และการเรียนรู้ ดังกลอนบทที่ว่า
" อันความคิดวิทยาคืออาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย"
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย"
วันนี้จึงมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ ตัวอย่างในเรื่อง คิดแต่ไม่พูด กับ พูดแบบไม่คิด ให้ได้เรียนรู้กันครับ
เห็นนักศึกษาสาวเดินมากับเพื่อนสาวด้วยกัน ก็เข้าไปบอกว่า"น้องๆ น่ารักนะ" น้องได้ยินก็กลับไปยิ้มเป็นปลื้มได้ทั้งวัน คุยกับเพื่อนอย่างภูมิใจ เพราะคิดแล้วพูดทำให้เขามีความสุข
ในทางกลับกัน เห็นนักศึกษาสาวเดินมากับเพื่อน มองแล้วคิดว่าเขาสวย มองอย่างเดียว น้องได้เห็นคงนึกในใจว่า จะมองทำไม ความคิดเชิงลบ เพราะไม่รู้เจตนาในการมองหรือความคิด
แต่ถ้าเห็นนักศึกษาสาวเดินมากับแฟน แล้วเข้าไปบอกว่า "น้องๆ น่ารักนะ" น้องก็คงยิ้มภูมิใจ แต่แฟนกับผู้พูดคงได้เกิดเรื่องกันครับ
ไม่ต้องอะไรมาก แค่ไปมองหรือจ้องนักศึกษาสาวในขณะที่เดินกับแฟน ก็ต้องระวังตัวแล้วครับ แต่ทั้งนี้ถ้าหากเปิดใจกัน ก็จะเห็นได้ถึงคุณค่าของคำพูด ซึ่งต้องดูจากการกระทำที่แสดงถึงความจริงใจด้วยครับ
ฉะนั้น ในเรื่องการคิด คิดดี พูดดี มีประโยชน์มาก ดีกว่า คิดแต่ไม่พูด ทั้งนี้ ถ้าคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว ต้องให้ถูกกาลเทศะ การมองหรือการคิดโดยไม่สื่อสารหรือไม่บอกให้เหตุผลให้ชัดแจ้งหรือชัดเจน อาจทำให้เกิดความระแวงและมองภาพที่ดีเป็นภาพในเชิงลบได้ครับ
อีกเรื่องหนึ่งที่นำมาให้เรียนรู้คือ การพูดแบบไม่คิด ความจริงไม่ใช่ไม่คิด แต่เป็นการมองโลกในมุมแคบ แบบที่ตนเองเคยเจอเคยเป็นมากกว่า จึงพูดออกมาด้วยความคุ้นเคยหรือเคยชินในสภาพการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องปรับตรงนี้เหมือนกันนะครับ
ในการเรียนมหาวิทยาลัย มีการทำกิจกรรมกลุ่มกัน โดยเฉพาะปี 1 ซึ่งอาจไม่สนิทกับเพื่อนๆ แต่ต้องมานั่งทำกิจกรรมกลุ่มกันกับเพื่อนใหม่ คนใหม่ อาจจะต้องเรียนรู้กันไป
เมื่อจะเริ่มทำงานกลุ่ม ก็ต้องมีเจอกับคำถามที่ว่า "เธอ นาย ทำนี่ได้ไหม ทำโน่นได้ไหม ทำตรงนั้นได้ไหม ?" นั่นเพราะยังไม่รู้เขา เธอ หรือ ฉันจะทำได้หรือไม่
บางคนก็รับปากเพราะเชื่อมั่นในตนเองว่าทำได้ บางคนก็บอกว่าแล้วแต่จัดมา บางคนก็บอกว่า ทำไม่ได้ก็มี สำหรับคนที่ชอบรับปากเพื่อนเพราะต้องการแสดงออก หรือเพราะเหตุผลอื่นๆ มักจะรับปากเพื่อนเสมอด้วยคำว่า "เอามาเถิด ทำได้หมด"
แล้วก็ทำได้หมด แล้วเพื่อนก็หมั่นไส้ ซึ่งห้ามกันไม่ได้ จึงให้งานมาอีก คราวนี้มากกว่าเดิม
ทำได้ครับ แต่ทำไม่ทัน ผลสุดท้ายเพื่อนก็มาบอกว่า "อ้าว ไหนว่าทำได้ ทำได้ ทำไมไม่ทำให้เสร็จ"
จึงต้องนั่งทำคนเดียว เห็นว่าไม่เสร็จแน่ คงต้องชี้แจงกับเพื่อนและช่วยกันให้งานสำเร็จ
ทำได้ครับ แต่ทำไม่ทัน ผลสุดท้ายเพื่อนก็มาบอกว่า "อ้าว ไหนว่าทำได้ ทำได้ ทำไมไม่ทำให้เสร็จ"
จึงต้องนั่งทำคนเดียว เห็นว่าไม่เสร็จแน่ คงต้องชี้แจงกับเพื่อนและช่วยกันให้งานสำเร็จ
คำพูดนี่สำคัญนะครับ ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่ก็อาจทำลายมิตรภาพดีๆ ได้ จึงเป็นข้อคิดไว้ว่า อย่าพยายามให้คำพูดทำลายมิตรภาพดีๆ ของกันและกัน และอย่าพยายามรับปากใครส่งๆ หรือรับปากแต่ทำไม่ได้ หรือทำได้เกินหน้าเกินตาคนอื่น ให้เรียนรู้ร่วมกัน ค่อยๆ คิดแก้ปัญหาร่วมกัน ทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จ ถ้าทุกคนมีส่วนร่วม มีมิตรภาพ มีไมตรีให้กันครับ
"ถ้าเพื่อนหมายถึงมิตร มิตรภาพต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"
"ถ้าเพื่อนหมายถึงศัตรู มิตรภาพคงไม่เกิดขึ้น"
"มองให้กว้าง เป็นมิตรร่วมโลก มิตรร่วมประเทศ มิตรร่วมทุกข์
และให้มิตรภาพไป สันติภาพจะเกิดขึ้น
คิดดี พูดดี มีสุขครับ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น